มอบความสมบูรณ์แบบในการขับขี่ เพิ่มความมั่นใจในทุกสภาพถนน ด้วยเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ เอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ ให้คุณสามารถเปลี่ยนโหมดจากระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H) เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) แบบ Full-Time All Wheel Control เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนถนนลื่น และเมื่อต้องการขับขี่บนเส้นทางแบบ Off-Road คุณยังสามารถเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนเป็น 4HLc หรือ 4LLc ได้ตามความต้องการ
– เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล 2.4 ลิตร 181 แรงม้า พร้อมเสื้อสูบและฝาสูบ อลูมินัม อัลลอย ซึ่งมีน้ำหนักเบา ทนทาน แข็งแกร่ง และระบายความร้อนได้ดีเยี่ยม
– เพิ่มแรงม้าด้วยขุมพลังของ VG Turbo และอินเตอร์คูลเลอร์ ทำให้เครื่องยนต์มีกำลังสูงทั้งในรอบปานกลาง และรอบสูง ตอบสนองทันใจ ช่วยให้ขับขี่สนุกและเร้าใจมากขึ้น
– ระบบวาล์วแปรผัน MIVEC ช่วยให้เครื่องยนต์มีแรงบิดดีขึ้นในรอบต่ำ ทำให้เครื่องยนต์มีอัตราเร่งดีเยี่ยม ให้การเผาไหม้หมดจด ลดมลพิษ รักษาสิ่งแวดล้อม
พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์แบบไฟฟ้า ช่วยให้ทุกการเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างนุ่มนวล ทำงานควบคู่กับระบบ INC ที่ช่วยควบคุม และตัดระบบส่งกำลังไปยังเพลาขับอัตโนมัติในขณะรถหยุดนิ่ง และเหยียบเบรกในตำแหน่งเกียร์ “D” ลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ ส่งผลให้ประหยัดน้ำมันในทุกการขับขี่ และลดการสึกหรอของระบบเกียร์ ช่วยยืดอายุการใช้งานของเกียร์ให้ยาวนานขึ้น พร้อมด้วยระบบ G-Sensor ช่วยควบคุมการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ให้มีความแม่นยำมากขึ้นในทางลาดชัน
ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ เหมาะกับการขับขี่บนสภาพถนนปกติ ให้อัตราเร่งที่ดี และประหยัดน้ำมัน เพราะกำลังของเครื่องยนต์ทั้งหมด 100% จะถูกส่งไปยังล้อคู่หลังเท่านั้น
*อุปกรณ์มาตรฐานอาจแตกต่างกันในแต่ละรุ่น
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำงานแบบ Full-Time All Wheel Control เหมาะกับสภาพถนนเปียกลื่นที่ใช้ความเร็ว ระบบส่งกำลัง Torsen (Torque Sensitive Type) จะถ่ายทอดกำลังเครื่องยนต์ไปยังล้อหน้า 40 % และล้อหลัง 60% บนถนนแห้ง และล้อหน้า 50 % ล้อหลัง 50% เมื่อถนนเปียกลื่น เพื่อประสิทธิภาพในการเกาะถนนและความปลอดภัย
*อุปกรณ์มาตรฐานอาจแตกต่างกันในแต่ละรุ่น
– ช่วงล่างด้านหน้าอิสระ แบบดับเบิ้ลวิชโบน คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ให้การเกาะถนนที่ดีทุกสภาพถนน เพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่มากขึ้น
– ช่วงล่างด้านหลัง แบบทรีลิงค์ ทอร์คอาร์ม คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ให้ความนุ่มนวล และการทรงตัวเหนือกว่า เพิ่มประสิทธิภาพการเกาะถนนมากขึ้น
– ดิสก์เบรกหน้าขนาดใหญ่ พร้อมช่องระบายความร้อน และคาร์ลิปเปอร์เบรกแบบ 2 ลูกสูบ
– ดิสก์เบรกหลังขนาดใหญ่ แบบ Drum-in Discs พร้อมช่องระบายความร้อน
ระบบล็อกเฟืองท้ายหลัง ควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า โดยกดสวิตช์ที่บริเวณแผงคอนโซลกลาง ระบบจะล็อกเฟืองท้ายหลังเพื่อให้เครื่องยนต์ส่งกำลังไปยังล้อหลังทั้งซ้ายและขวาหมุนเท่ากันตลอดเวลา ทำงานร่วมกับ Center Differential Lock ช่วยให้ขับผ่านเส้นทางที่ทุรกันดารไปได้อย่างง่ายดาย
(เฉพาะรุ่น GT-Premium 4WD)
ระบบจะทำการล็อกความเร็วให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ได้ตั้งค่าไว้ โดยทำงานร่วมกับเรดาห์ หากตรวจพบว่ามีรถยนต์ด้านหน้าใช้ความเร็วต่ำกว่า ระบบจะปรับลดความเร็วอัตโนมัติ เพื่อรักษาระยะห่างจากรถยนต์ด้านหน้า และจะปรับความเร็วกลับสู่ระดับเดิมที่ตั้งค่าไว้ เมื่อรถยนต์ด้านหน้าพ้นจากระยะตรวจจับของเรดาห์ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่และปลอดภัยตลอดการเดินทาง
(เฉพาะรุ่น GT-Premium)
ระบบเบรกมือควบคุมด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ จะทำงานเมื่อเลื่อนคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง “P” และจะปลดล็อกอัตโนมัติเมื่อเลื่อนคันเกียร์ออกจากตำแหน่ง “P”
ระบบ BRAKE AUTO HOLD เพียงกดปุ่ม AUTO HOLD ให้ระบบเริ่มทำงานเมื่อคุณเหยียบเบรกเพื่อให้รถหยุดนิ่ง จนไฟเขียวแสดงบนหน้าปัด (ขณะที่เกียร์อยู่ในตำแหน่ง “D” หรือ “N”) ระบบจะทำงานและทำให้หยุดโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้างไว้ ระบบจะคลายเบรกอัตโนมัติเมื่อเหยียบคันเร่ง สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แม้ในสภาวะการจราจรติดขัด
เชื่อมต่อความบันเทิงด้วย Apple CarPlay* เพียงเชื่อมต่อ iPhone ในรถมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต สามารถรับสายโทรเข้า-โทรออก และรับ-ส่งข้อความ พร้อมฟังเพลงได้อย่างง่ายดาย
หมายเหตุ : อุปกรณ์มาตรฐานอาจแตกต่างกันในแต่ละรุ่น โปรดศึกษารายละเอียดอุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเติม
*เงื่อนไขการใช้งาน Apple CarPlay เป็นไปตามเงื่อนไขที่ Apple Inc. กำหนด •Apple CarPlay และ iPhone เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัท Apple Inc.
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ http://www.apple.com/ios/carplay/
เทคโนโลยีที่ให้ทุกการเดินทางสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ด้วยระบบการเชื่อมต่อรถยนต์ผ่านแอปพลิเคชัน พร้อมสั่งการทำงานบนสมาร์ทโฟน
• RESERVATION
สามารถสั่งการเปิด-ปิดประตูท้ายอัตโนมัติได้ล่วงหน้าจากสมาร์ทโฟน (ในระยะเวลาไม่เกิน 20 นาที)
• VEHICLE REMINDER
ระบบจะแจ้งเตือนถึงสถานะของรถ เช่น ลืมล็อกรถ, ลืมปิดไฟหน้า สามารถเช็กสถานะของรถได้ เช่น การเปิด-ปิดไฟหน้า, การเปิด-ปิดไฟฉุกเฉิน อีกทั้งยังสามารถจัดการรถยนต์ผ่านสมาร์ทโฟน เช่น ปิดไฟฉุกเฉิน, สั่งล็อกประตูรถ (สั่งการได้ในกรณีที่ประตูรถปิดสนิทเท่านั้น ) เป็นต้น
• OPERATION ASSIST
ระบบช่วยเหลือพร้อมแจ้งสาเหตุผ่านสมาร์ทโฟน ในกรณีที่คุณไม่สามารถล็อกรถได้ เช่น ไม่มีกุญแจ ประตูปิดไม่สนิท ลืมดับเครื่องยนต์ หรือลืมนำกุญแจออกจากรถ
• VEHICLE INFORMATION
แสดงข้อมูลและประวัติการใช้งาน เช่น อัตราเฉลี่ยการบริโภคน้ำมัน, ระยะการเดินทาง, ประวัติการใช้รถ
• CAR FINDER
ค้นหารถยนต์ โดยสั่งการให้เปิดไฟหน้าจากสมาร์ทโฟนได้
หมายเหตุ : ระบบสั่งการทำงานผ่านสมาร์ทโฟนจะสามารถทำงานในระยะสัญญาณบลูทูธเท่านั้น
(เฉพาะรุ่น GT-Premium)
ระบบสัญญาณเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด หากเรดาร์ด้านหลังตรวจพบรถคันอื่นภายในรัศมีตรวจจับ ระบบจะส่งเสียงเตือนและสัญญาณไฟจะกระพริบบนกระจกมองข้างทั้ง 2 ด้าน พร้อมแสดงข้อความเตือนบนหน้าจอแสดงผล
(เฉพาะรุ่น GT-Premium)
อีกระดับของความปลอดภัยในการเปลี่ยนช่องจราจร หากเรดาร์ตรวจพบรถคันอื่นที่วิ่งอยู่ในเลนถัดไปด้านหลังในระยะประมาณ 70 ม. ระบบจะส่งสัญญาณไฟเตือนบนกระจกมองข้างให้ผู้ขับขี่ทราบว่ามีรถในจุดอับสายตา ซึ่งไม่สามารถมองเห็นจากกระจกมองข้าง และในขณะเดียวกันหากเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวระบบจะส่งเสียงเตือน พร้อมสัญญาณเตือนไฟกะพริบบนกระจกมองข้าง ทั้งนี้การทำงานของระบบขึ้นอยู่กับความเร็วสัมพัทธ์ระหว่างรถกับรถในเลนถัดไป และระบบจะทำงานที่ความเร็ว 10 กม./ชม. ขึ้นไป
(เฉพาะรุ่น GT-Premium)
ระบบเสริมความปลอดภัย โดยใช้เรดาร์ประเมินระยะห่างจากรถคันหน้า หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะชนรถคันหน้าในช่องทางเดียวกัน ระบบจะทำการเตือนและช่วยชะลอความเร็ว พร้อมเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกเพื่อให้ประสิทธิภาพในการเบรกที่ดียิ่งขึ้น และบรรเทาความเสียหายจากการชน
(เฉพาะรุ่น GT-Premium)
เพื่อช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการชน ระบบทำงานโดยใช้คลื่น Ultrasonic ตรวจจับวัตถุด้านหน้าหรือด้านหลังในระยะไม่เกิน 4 เมตร ในขณะที่เกียร์อยู่ตำแหน่ง “D” หรือ “R” หากมีการเหยียบคันเร่งผิดพลาดอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ระบบจะทำการตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะอัตโนมัติ และทำงานที่ความเร็วต่ำกว่า 10 กม./ชม.
(เฉพาะรุ่น GT-Premium)
เสริมความปลอดภัย ด้วยถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง ครอบคลุมถึงผู้โดยสารแถวที่ 3 ช่วยลดความรุนแรงที่เกิดจากการชนทั้งด้านหน้าและด้านข้าง ทำงานร่วมกับเข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ 2 ทิศทาง พร้อมระบบผ่อนแรง
(เฉพาะรุ่น GT-Premium 4WD)
กล้องมองภาพรอบคัน ระบบทำงานผ่านกล้อง 4 ตำแหน่งรอบตัวรถ เพื่อประมวลผลและแสดงภาพแบบ Bird’s Eye View ผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพ ได้รอบตัวรถ เพิ่มความปลอดภัย และความสะดวกสบายในการจอดรถได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
หมายเหตุ : ระยะการจับภาพของกล้องมองภาพรอบคันเป็นเพียงภาพจับลองเพื่อความเข้าใจเท่านั้น
จะทำงานทันทีที่เหยียบเบรกกะทันหัน ช่วยให้คุณหักหลบสิ่งกีดขวางได้อย่างทันท่วงที
จะทำงานทันทีที่เหยียบเบรกกะทันหัน ระบบนี้จะช่วยเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกให้มากขึ้น เพื่อช่วยให้การหยุดรถเป็นไปอย่างรวดเร็ว
ที่ใช้เหล็กแรงดึงสูง (High Tensile Steel) ช่วยลดการยุบตัวของห้องโดยสารจากการชนเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
ทำงานประสานกับระบบเบรก ABS เพื่อให้เกิดการกระจายแรงเบรกอย่างเหมาะสมทั้ง 4 ล้อ ช่วยลดระยะเบรกให้สั้นลง
เพื่อป้องกันการลื่นไถลออกนอกเส้นทาง เช่น กรณีเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็ว ถนนลื่น หรือหักหลบกะทันหัน พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล ระบบจะช่วยควบคุมการหมุนของล้อทั้ง 4 อย่างสมดุลในสภาวะถนนลื่น ขรุขระ หรือทางชัน เพื่อไม่ให้รถสูญเสียการยึดเกาะถนน
ช่วยป้องกันรถไหลเมื่อต้องออกตัวบนทางลาดชัน
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
(เฉพาะรุ่น GT-Premium 4WD)
สะกดทุกสายตาด้วยไฟหน้าโปรเจคเตอร์ แบบ Bi-LED พร้อมระบบปรับระดับลำแสงอัตโนมัติ มาพร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ SPECTRUM LED ไฟส่องสว่างขณะเลี้ยว และไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED โฉบเฉี่ยวในลุคสปอร์ตอย่างลงตัว
สัมผัสสุนทรียภาพเต็มอรรถรสในทุกการเดินทาง กับจอภาพแบบ Widescreen ขนาด 12.1 นิ้ว มาพร้อมกับรีโมทและหูฟังอินฟราเรด เชื่อมต่อ HDMI และ USB เพื่อความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
(เฉพาะรุ่น GT-Premium)
เพื่อเชื่อมต่อความบันเทิงกับ SDA (Smartphone-Link Display Audio) สะดวกสบายมากขึ้นด้วยช่องจ่ายกระแสไฟ AC 220 โวลต์ พร้อมช่องชาร์จอุปกรณ์ USB 2.1A 2 ตำแหน่งบริเวณคอนโซลกลางด้านหลัง
ให้การขับขี่สบายกว่าที่เคย และเพิ่มช่องเก็บของใต้คอนโซลเพื่อการใช้งานที่สะดวกมากขึ้น